วัดโซโจจิ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ ประตูซังเกดัตสึมง

วัดโซโจจิ (Zojoji, 増上寺) นับเป็นอีกวัดหนึ่งในเมืองโตเกียวที่มีความน่าสนใจไม่แพ้วัดอื่นๆของเมืองนี้อย่างยิ่งจริงๆ ที่สำคัญยังใกล้กับแลนด์มาร์กสำคัญๆของเมืองอย่างโตเกียวทาวเวอร์ร์อีกด้วย ใกล้ที่ว่านี่ใกล้จริงๆนะคะกล่าวได้ว่าเดินแป๊บก็ถึงแล้ว โดยวัดวัดโซโจจิที่นี้นั้นถือเป็นวัดหลักของพุทธนิกายโจโดในเขตคันโตก็ว่าได้

ถึงแม้ตึกส่วนมากของสงฆ์นี้ได้ถูกซ่อมแซมขึ้นมาใหม่เกือบ 100%ละเว้นประตูทางเข้าหลัก Sangedatsumon ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ตั้งแต่การก่อสร้างครั้งแรก ถ้าหากก็ยังคงความสวยงามแล้วก็กลิ่นเดิมๆอยู่ไม่น้อย วัดแห่งนี้นั้นถูกสร้างขึ้นโดยประมาณปี คริสต์ศักราช 1393 และก็ได้ย้ายวัดมายังสถานที่เดี๋ยวนี้ในปี ค.ศ. 1598นี่เอง

โดยท่านโทคุกาว่า อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) ซึ่งเป็นคนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งของเมืองเอโดะในยุคนู่น เพราะเป็นผู้ริเริ่มบะกุฟุ หรือที่เรียกง่ายๆว่า รัฐบาลทหาร ที่เมืองเอะโดะที่กลายมาเป็นเมืองโตเกียวที่สำคัญยังเป็นโชกุนคนแรกจากเชื้อสายโทกูงาวะที่ปกครองประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ศูนย์กลางทางด้านศาสนาแล้วก็สถานที่ฝังร่างของเหล่านายทัพ วัดโซโจจิ
วัดโซโจจิซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองโตเกียวทาวเวอร์ เป็นสถานที่เก็บร่างของบุคคลผู้มีอิทธิพลที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดแห่งนี้ย้ายที่ไปตั้งอยู่ยังรอบๆตอนนี้ในปีค.ศ. 1598 เมื่อขุนศึกและก็ผู้นำของประเทศญี่ปุ่นในเวลาถัดมาเป็นโทคุกะวะ อิเอะยาสุได้บุกเข้าสู่กรุงเอโดะ (ตอนนี้คือโตเกียว)

โซโจจิเป็นศูนย์การจัดการบริหารซึ่งควบคุมดูแลการเล่าเรียนด้านศาสนาและก็กิจกรรมต่างๆของนิกายโจโด

ประตูสีแดงที่สวยสดงดงามของสงฆ์เป็นที่รู้จักกันในชื่อซังเกะดัตซุมง

ร่างของแม่ทัพของโทคุกะวะ 6 นายผู้ซึ่งดูแลประเทศได้ถูกฝังไว้ที่นี่

ขึ้นรถไฟใต้ดินสายไม่ตะ และลงที่สถานีโอะท้องนาขอบงหรือสถานีชิบะโคมึง กีฬารอบโลก คุณจะสามารถเดินทางไปวัดที่นี้ได้จากสถานีไดมงบประมาณนเส้นทางรถไฟใต้ดินสายโอเอโดะ

ถ้าหากคุณเดินทางโดยขึ้นรถไฟเจอาร์ วัดที่นี้จะอยู่ห่างจากสถานีฮะมะมัตสึโจบนเส้นทางรถไฟเจอาร์สายยามาโนเตะ และรถไฟเจอาร์สายเคฮินโทโฮลุกโดยเดิน 10 นาที


กาลครั้งหนึ่งวัดที่นี้เคยเป็นศูนย์ขนาดใหญ่มโหฬารมีพื้นที่ 826,000 ตารางเมตร แล้วก็ประกอบด้วยวัดต่างๆในขอบเขตที่มีขนาดเล็กลงมา 48 แห่ง ในปัจจุบันวัดที่นี้มีขนาดเหลือแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของขนาดเดิม และก็อาคารต่างๆหลายข้างหลังถูกผลิตขึ้นใหม่

แต่ ประตูทางเข้าหลักของสงฆ์เป็นแบบของแท้เริ่มแรก และก็ตั้งสูงเด่นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1622 ซึ่งผ่านเหตุการณ์ไฟไหม้ แผ่นดินไหว และสงครามต่างๆประตูสีแดงที่สวยสดงดงาม ซึ่งมีชื่อเสียงกันในชื่อซังเกะดัตซุมงนี้ ได้รับการจัดให้เป็นทรัพย์สมบัติด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ

คุณจะสามารถเยี่ยมชมป่าช้าของเครือญาติโทคุกะวะซึ่งตกแต่งประดับประดาด้วยมังกรที่ดูดุดันที่ด้านหลังของสถานที่ ซึ่งเป็นที่ฝังศพของผู้นำของโทคุกะวะซึ่งได้รับตำแหน่งเป็นโชกุน 6 ท่าน นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินลงมาที่ชั้นใต้ดินของห้องโถงของวัด รวมทั้งเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานขนาดเล็ก เพื่อมองว่าป่าช้าของตระกูลโทคุกะวะและสิ่งปลูกสร้างเสริมแต่งเคยมีลักษณะคืออะไรก่อนที่จะได้รับความย่ำแย่ในเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2

นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินเล่นชมวัดโซโจจิ ก่อนที่จะไปเมืองโตเกียวทาวเวอร์ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นช่วงหลังตะวันตกดินไปและไม่ชี้แนะให้ผ่านวัด ด้วยเหตุว่าด้านในวัดมืดมาก ในตอนต้นเมษายน ดอกซากุระในวัดจะบาน เป็นช่วงในตอนที่นักท่องเที่ยวมาชมความสวยงามมากเป็นพิเศษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *